แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สาระน่ารู้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สาระน่ารู้ แสดงบทความทั้งหมด

การเปลี่ยนแปลงของผู้หญิงคนหนึ่งหลังจากมีลูก ที่ทำให้รู้ว่า"แม่"ต้องเสียสละมากแค่ไหน

โดยผู้หญิงเป็นเพศที่เกิดมาเพื่อเป็น "แม่" ดังนั้นหน้าที่ตั้งครรภ์จึงเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมาก แต่คุณรู้ไหมว่าการที่จะมีลูกสักคนนั้นมันไม่ใช่เรื่อง่ายเลย เพราะผู้หญิงต้องทนทรมานเจ็บปวดกับหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตั้งครรภ์ การคลอด ทั้งยังต้องสูญเสียรูปร่างอันสวยงามไปด้วย
เหมือนกับหญิงสาวคนนี้ ซึ่งก่อนที่เธอจะเป็นแม่นั้น เธอมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามเป็นอย่างมาก 


 

 

 
และนี่โฉมหน้าของชายหนุ่มผู้โชคดี ที่เป็นสามีของเธอ


  
และหลังจากที่เธอคลอดลูก เธอก็กลายเป็นอีกคนไปเลย

 
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า สภาพรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปมาก ยังกับคนละคนเลยทีเดียว สะท้อนให้เห็นได้ว่าการจะเป็นแม่คนนั้นผู้หญิงต้องเสียสละมากมาย แต่เพื่ออีกหนึ่งชีวิตมันก็ย่อมคุ้มค่าเสมอ 


รีวิวการเปลี่ยนแปลงตัวเอง + เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ !


รีวิวการเปลี่ยนแปลงตัวเอง + เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ !
จากกระทู้ดังในตอนนี้ จาก พันทิพดอทคอม เรื่องราวของหนุ่มชื่อ ไอซ์ อายุ 19 ปี ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้จากหน้ามือ เป็นหลังมือ ซึ่งเขาให้นิยามกับตัวเองว่า เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยทีเดียว เรื่องราวของเขาจะเป็นอย่างไร มาชมกันดีกว่าครับ
คุณ ไอซ์ หนุ่มวัย 19 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ก่อนหน้าที่เขาจะมาดูดีขนาดนี้ เขาบอกว่า เขาเป็นคนหนึ่งที่ดูแย่มากในสายตาของคนอื่น เป็นคนอ้วน ดำ หน้าเป็นสิว จนกระทั่งได้แรงบันดาลใจจาก " เนย อิทธิมนต์" ผู้เคยลดน้ำหนักจาก ร้อยกว่ากิโลกรัม สู่หนุ่มหุ่นเพรียว ซึ่งทำให้เขาอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองขึ้นมาทันที
โดยเริ่มรักษาสิวที่หน้าและเริ่มลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน จากที่น้ำหนัก 95 กิโลกรัม ลดลงมาเรื่อยๆจนล่าสุดน้ำหนักเหลืออยู่ที่ 63 กิโลกรัม ลดลงมาทั้งหมด 32 กิโลกรัม
เรื่องของน้ำหนัก เขาใช้วิธีลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ ด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร ส่วนหน้าตา ก็เข้าคลีนิคหาหมอ รักษาผิวหน้า จนในที่สุด จากหนุ่ม อ้วน ดำ เป็นสิว มาสู่ หนุ่มหล่อหน้าใสในที่สุด ใครที่อยากลดน้ำหนัก เปลื่ยนแปลงดัวเอง ลองดูหนุ่มคนนี้เป็นแรงบันดาลใจได้นะครับ
ขอบคุณเรื่องราว และภาพจาก 
กระทู้ รีวิวการเปลี่ยนแปลงตัวเอง + เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ !
โดย คุณไอซ์ สมาชิกหมายเลข 1222416
pantip.com

คลิกชมภาพต่อไป
คลิกชมภาพต่อไป
 
ที่มา: http://men.sanook.com/1721/

ขอขอบคุณS! MEN ผู้สนับสนุนเนื้อหา

ไส้เลื่อนขาหนีบ

คำนำ 

ไส้เลื่อนขาหนีบ คือภาวะที่ลำไส้เลื่อนผ่านจุดที่อ่อนแอของผนังหน้าท้องตรงบริเวณขาหนีบ ทำให้เห็นเป็นก้อนโป่งบริเวณขาหนีบ หรือลงมาในถุงอัณฑะ ทำให้ถุงอัณฑะโตขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากมีช่องผนังหน้าท้องที่เป็นทางผ่านท่อน้ำเชื้ออสุจิและหลอดเลือด ทำให้เป็นจุดอ่อนแอ

ผู้ป่วยมักสังเกตได้ว่าก้อนที่ยื่นโป่งออกมาจะออกมามาก ขณะผู้ป่วยยืนหรือเดิน และยุบหายไปเวลานอน ในรายที่เป็นมากเป็นนาน ไส้เลื่อนมีขนาดใหญ่จะไม่ยุบลงง่ายๆ เวลานอน มักต้องใช้มือดันให้เข้าไป หรือบางคนอาจดันไม่เข้าอีกเลย

ไส้เลื่อนขาหนีบเกิดได้อย่างไร? 

สาเหตุอาจแบ่งได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ ตามการเกิดไส้เลื่อน พวกแรก เป็นไส้เลื่อนขาหนีบตั้งแต่เกิด ซึ่งเกิดจากการเจริญของเนื้อเยื่อที่ไม่ปกติ จะไม่กล่าวถึงในที่นี้ ส่วนพวกหลังซึ่งพบได้บ่อยกว่าจะเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ ซึ่งมีปัจจัยชักนำได้แก่การเพิ่มความดันในช่องท้อง จากการเบ่ง, การไอ จามบ่อยๆ, การออกแรงยกของหนักร่วมไปกับการมีผนังช่องท้องอ่อนแอลง เช่น ในผู้สูงอายุ

การดูแลผู้ป่วยจึงต้องสนใจสาเหตุด้วยไม่ใช่มุ่งรักษาแต่ไส้เลื่อนอย่างเดียว การไอเรื้อรังอาจมาจาก ภาวะการสูบบุหรี่จัด, ถุงลมโป่งพอง, หลอดลมอักเสบเรื้อรังหรือแม้กระทั่งวัณโรคและมะเร็งปอด การเบ่งกล้ามเนื้อหน้าท้องอาจพบได้ในคนไข้ท้องผูก มีต่อมลูกหมากโต มะเร็งลำไส้ใหญ่การวินิจฉัยภาวะเหล่านี้ ทำให้ผู้ป่วยได้ผลสมบูรณ์จากการรักษา และลดโอกาสกลับเป็นซ้ำ
อาการและภาวะแทรกซ้อน 

โดยมากผู้ป่วยจะมีอาการจุก ตึง หน่วงถ่วงเวลายืนหรือเดิน แล้วมีไส้เลื่อนยื่นโป่งออกมา เมื่อมีขนาดใหญ่ก็จะรำคาญ เดินไม่ถนัด ผู้ป่วยอาจมีไส้เลื่อนติดค้างได้แก่ การที่อวัยวะที่เลื่อนเข้ามาในถุงไส้เลื่อนถูกรัดติด และดันกลับเข้าท้องไม่ได้ เสี่ยงต่อการขาดเลือดไปเลี้ยง เน่าตาย เป็นเรื่องใหญ่โต มีการกระจายของเชื้อโรคเข้ากระแสเลือด เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ลำไส้เน่าต้องตัดทิ้ง บางรายไส้ที่ลงไปติดค้างยังไม่เน่า แต่พับงอถูกรัดจนกิ่ว เกิดภาวะลำไส้อุดตัน ท้องอืดมาก ไม่ถ่ายไม่ผายลม ปวดท้อง อาเจียนเป็นสีอุจจาระได้ ต้องทำการรักษาฉุกเฉินเช่นกัน
ต้องรักษาหรือไม่เพราะอะไร? 

เมื่อทราบภาวะแทรกซ้อนก็บอกได้ไม่ยากว่าต้องรักษา และควรจะต้องรักษาก่อนจะเกิดภาวะแทรกซ้อน เพราะจะทำได้ง่ายกว่า ได้ผลดีและมีอันตรายน้อยกว่าขณะที่มีอาการเฉียบพลันเป็นอันมาก
ต้องรักษาเร่งด่วนแค่ไหน? 

ปกติหากไม่ใช่ภาวะไส้เลื่อนติดค้างหรืออุดตัน เน่าตาย การผ่าตัดไส้เลื่อนจะทำในเวลาที่เหมาะสม เมื่อวินิจฉัยได้ ผู้ป่วยเตรียมตัวพร้อมก็ควรกำหนดวันได้เลย แม้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แต่การทิ้งไว้นานก็เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งทำนายได้ยากว่าจะเป็นเมื่อใด

ไม่อยากผ่าตัด

การรักษาหลักที่สำคัญคือการผ่าตัด ร่วมไปกับการรักษาโรคที่เป็นปัจจัยชักนำ วิธีการรักษาวิธีอื่นที่หลีกเลี่ยงการผ่าตัด เช่น การใส่กางเกงในรัดคับๆ supporter มักไม่ได้ผล แต่อาจอนุโลมใช้ประคับประคองในบางแบบของไส้เลื่อนขาหนีบที่เป็นในผู้ป่วยสูงอายุ และมีอัตราเสี่ยงระหว่างการผ่าตัดสูง
การผ่าตัดแบบมาตรฐาน 

การผ่าตัดแบบมาตรฐานมีหลักการที่จะเข้าไปผูกตัดถุงไส้เลื่อนที่ยื่นออกมา จากนั้นก็ทำการเย็บซ่อมผนังหน้าท้องส่วนที่อ่อนแอให้แข็งแรงขึ้น เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ การเย็บซ่อมอาจใช้การเย็บดึงเนื้อเยื่อข้างเคียงเข้าหากัน ซึ่งวิธีนี้ทำได้ง่าย แต่เนื้อเยื่อที่ถูกเย็บเข้ามาหากันจะตึงมาก ผู้ป่วยมักมีความเจ็บปวดหลังผ่าตัด กลับไปทำงาน เดินตัวตรงตามปกติได้ช้า และเนื้อเยื่อที่ถูกเย็บอาจตึงมากและฉีกออกจากกัน ผนังหน้าท้องกลับมาอ่อนแอเหมือนเดิม แนวโน้มในปัจจุบันนิยมการเย็บซ่อมโดยไม่เกิดแรงตึงมากกว่า ซึ่งอาจใช้แผ่นตะแกรงสังเคราะห์ หรือการเย็บถักด้วยไหมเย็บ หลังผ่าตัดผู้ป่วยมักมีความเจ็บปวดน้อยกว่า กลับไปทำงาน เดินได้ตามปกติได้เร็ว วิธีหลังนี้มีข้อเสียตรงที่มีการใส่วัสดุแปลกปลอมเข้าในร่างกาย จึงมักต้องให้ยาปฏิชีวนะกันการติดเชื้อ และมีค่าใช้จ่ายเรื่องวัสดุสังเคราะห์หากเลือกใช้ แผลผ่าตัดเป็นแผลแนวขาหนีบยาวประมาณ 4-5 cm.
การผ่าตัดแบบใช้กล้องส่อง 

เป็นการผ่าตัดเพื่อทำการซ่อมผนังหน้าท้องด้วยกล้องส่อง โดยมากจะใช้แผลขนาดเล็ก 3 แผล โดยแผลที่สะดือที่จะใส่กล้องยาว 1 cm. และแผลที่ใส่เครื่องมือยาว 0.5 cm. จากนั้นก็ทำการเลาะด้านหลังของผนังช่องท้อง ซึ่งจะมองเห็นรูไส้เลื่อนจากทางด้านหลังได้อย่างชัดเจน แล้วใช้แผ่นตะแกรงสังเคราะห์ปูคลุมกล้ามเนื้อ ตรึงด้วยหมุดเย็บ 3-4 ตัว เป็นอันเสร็จ วิธีนี้มีข้อเสียตรงที่ต้องใช้เครื่องมือราคาแพง และศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญ ต้องใช้วัสดุสังเคราะห์และยังต้องรอดูผลชัดเจนในระยะยาว จึงมักยังทำได้ไม่แพร่หลาย และเลือกใช้ในรายที่เป็นทั้งสองข้าง หรือในรายที่เป็นซ้ำหลังการทำผ่าตัดแบบมาตรฐาน ปัจจุบัน เริ่มมีการทำในผู้ป่วยที่เป็นไส้เลื่อนข้างเดียว ที่ไม่เคยผ่าตัด ถ้าผู้ป่วยต้องการการรักษาวิธีนี้

พักฟื้นหลังผ่าตัด 

ผู้ป่วยที่ทำผ่าตัดแบบใช้กล้องส่องหรือผ่าตัดแบบมาตรฐานโดยไร้ความตึง จะใช้เวลาพักฟื้นสั้น โดยมากมักอยู่โรงพยาบาล 2-3 วัน จากนั้นก็กลับบ้านไปทำงานได้ ผู้ป่วยที่ทำผ่าตัดแบบมาตรฐานและใช้วิธีที่เย็บเนื้อเยื่อเข้าหากันจะอยู่โรงพยาบาลนานกว่าเล็กน้อย และมักจะกลับไปพักที่บ้านอีก 5-7 วันก่อนจะกลับไปทำงานได้
ทั้งสองวิธี แพทย์มักแนะนำให้งดการยกของหนัก ออกกำลังกายเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 อาทิตย์
ต้องไม่ลืมที่จะรักษาโรคหรือภาวะที่เป็นปัจจัยชักนำด้วย

ภาวะแทรกซ้อน 

พบได้บ้าง ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง เช่น การมีลิ่มเลือดบริเวณใต้แผลผ่าตัดซึ่งเกิดจากเลือดออกจากหลอดเลือดเล็ก ๆ ขณะทำการเลาะเนื้อเยื่อ, การติดเชื้อของแผลผ่าตัด, การบาดเจ็บต่ออวัยวะข้างเคียง เช่น ท่อนำน้ำเชื้ออสุจิ, เส้นประสาทขนาดเล็กที่มารับความรู้สึกจากผิวหนัง ซึ่งทำให้มีการเจ็บแปลบหรือชา เป็นต้น
ผ่าแล้วเป็นอีก

หลังการผ่าตัดรักษาไส้เลื่อนขาหนีบ ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีกทั้งข้างเดิม และเป็นใหม่อีกข้างหนึ่ง สาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นซ้ำในข้างเดิมมีหลายอย่างได้แก่ การผ่าตัดที่ทำได้ไม่ถูกต้องตามเทคนิค, การรักษาไม่ได้ครอบคลุมการรักษา ปัจจัยชักนำหรือกำจัดปัจจัยชักนำไม่ได้ เช่น ผู้ป่วยไม่หยุดสูบบุหรี่ ท้องผูกต้องเบ่งเป็นประจำ ไม่ได้ทำการรักษาต่อมลูกหมากโต เป็นต้น นอกจากนี้เนื้อเยื่อที่ไม่แข็งแรงของผู้ป่วยก็เป็นปัจจัยสำคัญโดยเฉพาะผู้ป่วยสูงอายุ
โดยมากหากการผ่าตัดครั้งแรกเป็นแบบมาตรฐาน การผ่าตัดแก้ไขโดยใช้การผ่าตัดส่องกล้องก็จะมีข้อได้เปรียบ เพราะการผ่าตัดครั้งแรกที่เราะเข้าทางด้านหน้าจะทำให้มีเนื้อเยื่อพังผืดจำนวนมาก ตัดเราะซ้ำลำบาก การส่องกล้องเข้าจากด้านในผนังช่องท้อง จะไม่มีพังผืดมาบดบังทำให้ทำผ่าตัดแก้ไขได้แม่นยำ และต้องไม่ลืมรักษาปัจจัยชักนำด้วย จึงจะป้องกันการเป็นซ้ำอีกได้ดีที่สุด

เลสเบียนคืออะไร? แล้วทอมดี้หละ?

เลสเบียนคืออะไร?
พูดถึงคำว่าเลสเบียนหลายคนเกาหัวหลายคนนึกถึงตีฉิ่งหลายคนนึกถึงคู่ทอมดี้ ถ้าจะตีความหมายตรงๆเลสเบียนคือ
"เลสเบียนคือหญิงแต่งหญิงตีฉิ่งกัน" ซึ่งแบ่งเป็นประเภทได้ดังนี้
เลสคิง (Les King) คือเลสคนที่ทำหน้าที่เสมือนฝ่ายชายคือฝ่ายรุกนั่นเองจะเป็นสาวห้าวๆหน่อยแต่ไม่ห้าวเท่าทอม
เลสควีน (Les Queen) ก็คือเลสคนที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายรับจะคล้ายๆดี้ แต่จะไม่ชอบทอม
เลสไบ (Les Bi) นี่ก็คือไม่ได้แยกแยะชัดเจนว่าใครทำหน้าที่อะไรเอาเป็นว่าผลัดกันรุกผลัดกันรับนัวเนียไปหมด

เคยมีคนสรุปข้อสังเกตุเลสเบียนเป็นข้อๆดังนี้

    มักจะตัวสูงกว่าผู้หญิงทั่วไป อาจจะ 165 ขึ้น
    ไม่ค่อยแต่งหน้าจัดมาก อาจจะมีแป้งบ้าง แต่ไม่ใช่การแต่งหน้าแบบเต็มยศ ยกเว้นไปออกงาน หรือเป็นพริตตี้
    ใส่น้ำหอมกลิ่นผู้หญิง (ถ้าเป็นทอมมักจะใส่กลิ่นผู้ชาย)เพราะไม่ชอบอะไรได้กลิ่นแล้วที่นึกถึงผู้ชาย
    ไม่ค่อยชอบทอม
    ไม่ชอบเกย์ (แต่เจ้าของกระทู้มีเพื่อนเกย์มากเลยนะจ๊ะ..อิอิ)
    เป็นไบก็เยอะ ชอบได้ทั้งสองเพศ แล้วแต่โอกาสและเวลาหรือถ้าผู้ชายคนนั้น ดูสะอาดสะอ้าน หรือมีความเป็นผู้หญิงอยู่เล็กน้อย (หมายถึง มีจิตใจอ่อนโยน ติสท์หน่อยๆ) ก็จะพอหยวนๆ ถ้าวันหนึ่งออกแนวโหดขึ้นมาก็พร้อมเลิกได้ทันที
    เวลาคุยกับผู้ชาย มักจะไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป คืออาจดูไม่เฟลิต และไม่มีสปาร์คเท่า แต่เลสบางคนก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจชายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    มีโลกส่วนตัวสูง
    ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงที่ดูเซ็กซี่แบบลึกลับ
    มักมีการระบายความเข้มแข็งออกด้วยเครื่องประดับ บางคนอาจจะเจาะหูเยอะ เจาะสะดือ เจาะลิ้น สัก หรือใส่อะไรแข็ง ๆ ที่ข้อมือ
    เพื่อนในกลุ่ม มักจะมีแต่ผู้หญิง และผู้ชายมักจะดูไม่ออก

ข้อมูลประสบการณ์ตรงจากเว็บ saboojaii.com

nokky :
เรา อายุ22ค่ะมีแฟนอายุ36 มีอะไรกันทีเราไม่เสร็จเค้าอ่อนก่อนทุกที มันหงุดหงิดช่วงหลังๆมานี้จะเปิดคลิปดู และช่วยตัวเอง แล้วจะเปิดแต่คลิป ผ.หญิงกับ ผ.หญิง อยากใช้ลิ้นบ้าง ง่ะทำไงดี
Nong-ant :อาจจะเป็นเลสไบส์ค่ะ. เหมือนหนู คือได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย. หนูเคยมีอะไรครั้งแรกกับผู้หญิงด้วยกันก็เลยฝังใจ  แม้ตอนหลังจะมีแฟนเป็นผู้ชายก็ยังอยากมีอะไรๆ กับผู้หญิงอยู่. โดยเฉพาะเวลาที่แฟนทำให้ไม่เสร็จ. เพราะผู้หญิงจะเข้าใจความตัองการและรู้จุดเหมือนกัน ลองสังเกตตัวเองดูง่ายๆ ค่ะ ว่าถ้าอยู่กับผู้หญิงด้วยกัน 2 ต่อ 2 จะรู้สึกอยากมีอะไรด้วยมั้ย. ถ้ามี. แสดงว่ามีโอกาสเป็นเลสไบส์สูง ผู้หญิงอย่างเรามักตัองปกปิดเรื่องเซ็กส์มากกว่าผู้ชาย. จึงทำให้น้องสับสน เพราะคู่เลสของหนูมีลูกแล้วจึงรู้ชอบเลสมากกว่า. ทุกวันก็นี้ไม่เปิดเผยเพราะลูกและครอบครัวค่ะ. แต่แอบมีความสุขด้วยกันบ่อยๆ ผู้หญิงด้วยกันไม่เสียหาย (รูไม่หลวม) และทำใหัไม่หงุดแฟน ให้เค้ามุ่งมั่นกับการทำงาน ส่วนเรื่องความสุขทางเพศเราก็ทางออกของเรา ที่ไม่ผิดต่อเค้า ลองหาเพื่อนที่ไวัใจได้ลองดูก็ได้ ไม่เสียหาย ถ้าไม่ชอบจะไดัรู้. แต่ถ้าใช่ก็ได้พบความสุขที่เราชอบอย่างแท้จริง (จากใจผู้หญิงด้วยกันค่ะ) และต้องขอโทษคุณผู้ชายด้วยนะคะ

คนสุดเจ๋ง 10 แบบ ที่ควรลากมาเป็น เพื่อนร่วมทริป

เขาว่ากันว่า เรื่องราวระหว่างทางเป็นโมเมนต์ที่น่าจดจำกว่าจุดหมายปลายทาง แต่สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่านั้น นั่นก็คือ“เพื่อนร่วมทาง” การเดินทางจะสนุก มีความต่าง มีสีสันได้นั้น ก็อยู่ที่เพื่อนร่วมทางนี่แหละ ก่อให้เกิดความทรงจำดี ๆ ให้เราได้ซึมซับเมื่อได้เห็นภาพถ่าย travel.mthai.com ขอพาคุณไปรู้จักกับ คน 10 แบบ ที่คุณควรลากมาเป็นเพื่อนร่วมทริป จะมีคนแบบไหนบ้าง และทุกท่านเจอพวกเขารึยัง ? ถ้าเจอแล้ว จงชวนพวกเขาออกเดินทาง รับรองว่าการเดินทางครั้งใหม่ ความประทับใจรอคุณอยู่
เพื่อนร่วมทริปภาพโดย : Teeradech Yingyongwattanakul
แต่ผมเชื่อลึก ๆ ว่า นักเดินทางทุกท่านย่อมมีคนอย่างน้อย 1 ใน 10 แบบต่อไปนี้อยู่ในตัว และหลายคนอาจมีมากถึง 5 – 6 แบบเลยก็ได้ รู้ไว้ว่า พวกคุณคือคนสำคัญของนักเดินทางมือใหม่ ที่พวกเขาต้องการศึกษารอยเท้าของคุณ
1. มนุษย์แผนที่
พวกเขาพร้อมจะพาคุณไปในทุกที่ที่คุณต้องการ ร้านค้าในตลาด ร้านอาหาร ห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด คาเฟ่บรรยากาศชิค ๆ ที่ไปมาเมื่อ 5 วันก่อน พวกเขาสามารถจดจำพิกัดและเส้นทางได้อย่างดีเยี่ยม
2. มนุษย์กิจกรรม
การเดินทางของคุณจะไม่น่าเบื่อ และจดจำไปอีกนาน พวกเขาจะคอยสรรหาสิ่งแปลกใหม่มาให้เพื่อนร่วมทางได้สัมผัส เขาอาจจะชวนคุณไปดำน้ำในตอนเช้า ช่วงบ่ายเดินเข้าป่าไปส่องสัตว์ จากนั้นก็ออกมาจิบเบียร์เย็น ๆ กลางเมืองในช่วงค่ำ
3. มนุษย์นักกิน
การเดินทางไปกับพวกเขา รับรองว่าคุณจะได้ลิ้มรสกับอาหารอันหลากหลาย พวกเขาพร้อมจะสืบเสาะ หาร้านอร่อยมาแนะนำคุณได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พวกเขาพร้อมจะลองทุกเมนู เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ
4. มนุษย์เอ็นเตอร์เทน
พวกเขาจะเป็นสีสันในการเดินทาง คุณไม่สามารถคาดเดาในสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ พวกเขาแค่พยายามให้พวกคุณสนุกสุดเหวี่ยง แค่ปลดปล่อยตัวเองให้เต็มที่ รู้ตัวอีกทีคุณอาจมาอยู่ในงานปาร์ตี้ชุดว่ายน้ำริมหาดก็เป็นได้
5. มนุษย์ช่างภาพ
หายห่วงได้เลย ว่าการเดินทางของคุณจะพลาดโมเมนต์สำคัญไป เมื่อมีมนุษย์ช่างภาพ เขาพร้อมที่จะเก็บภาพความประทับใจรอบตัวคุณทุกคน แถมภาพที่ได้มายังสวยสั่งได้ตามใจสุด ๆ ขาดไปไม่ได้เลยนะคนเนี้ย
6. มนุษย์รอบรู้
พวกเขาเป็นพวกนักอ่าน หรือผู้ที่มีประสบการณ์การเดินทางมาอย่างโชกโชน ที่รอบรู้เรื่องราวในสถานที่ที่กำลังจะไป ชี้แนะข้อควรรู้ต่าง ๆ การมีหัวใจของนักสำรวจของพวกเขา จะสร้างประโยชน์ในการเดินทางของคุณได้มากทีเดียว
7. มนุษย์ผู้พิทักษ์
พวกเขาสามารถแก้ปัญหา พาเพื่อนร่วมทางพ้นจากอุปสรรคที่เจอได้อย่างสบาย เปี่ยมไปด้วยไหวพริบและความมีน้ำใจ ไม่ว่าจะที่พักเต็ม เงินไม่พอค่าเดินทาง ตกเครื่อง คุณไม่ต้องห่วง เพราะพวกเขาจะแก้ไขสถานการณ์ได้ชัวร์
8. มนุษย์ดิกชันนารี
พวกเขาชอบที่จะศึกษาเรื่องภาษาท้องถิ่นที่กำลังจะไป มีหนังสือคู่มือติดตัวอยู่ตลอดเวลา สามารถช่วยให้คุณผ่านสถานการณ์อันยากลำบากไปได้ อย่างเช่นการสั่งอาหาร หรือการเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ
9. มนุษย์เศรษฐศาสตร์
“การเดินทางไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง” เป็นคำขวัญของคนประเภทนี้ พวกเขาสามารถหาสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดมาให้เพื่อนร่วมทริป ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน บาร์ ร้านอาหาร ที่พัก สิ่งเหล่านี้แลกมาด้วยจำนวนเงินที่เหมาะสม ไม่เกินตัว
10. มนุษย์สัมภาระ
ไม่ได้หมายถึงพวกบ้าหอบฟาง แต่พวกเขาพร้อมจะแนะนำการจัดของลงเป้ให้พวกคุณ พวกเขารู้ว่าทริปนี้ สิ่งใดจำเป็น สิ่งใดเป็นส่วนเกินที่ควรตัดออก เพื่อลดความฟุ่มเฟือยของพื้นที่ในกระเป๋า ทั้งก่อนและระหว่างการเดินทาง

เรื่องกล้วยๆ เมนูกล้วยๆ "บานาน่าห่มชีส ซอสคาราเมล"

แรงบันดาลใจในเมนูนี้ มาจากที่ได้ไปกินไอติม รสบานาน่าชีส
ของร้านไอติมหม้อไฟร้านดังแห่งนึงแถวยศเสครับ

ชีสกับกล้วยนี้มันเข้ากันดี๊ดี และตื่นมาวันหยุดที่บ้านมีกล้วย ชีส ขนมปัง และ ซอสคาราเมล เหลืออยู่ในตู้เย็น เลยเกิดเป็นการลองทำเมนูนี้ขึ้นมาครับ

มาดูหน้าตากันก่อนครับ



มาต่อด้วย วัตถุดิบครับ อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วตามของที่มีเเหลืออยู่ในบ้าน
- กล้วยหอม
- ขนมปัง ของผมมีเป็นขนมปังโฮลวีท
- ชีส เป็นแผ่น
- ซอสคาราเมล เป็นขวดสำเร็จตามห้างมีขาย
- เนยจืด

เตรียมของครบแล้วก็มาเริ่มกันเลยครับ

อันดับแล้วเริ่มจากการนำ ขนมปังมาทำให้แบนก่อนครับ ถ้ามีไม้คลึงแป้งก็ใช้ไม้คลึงแป้งครับ ส่วนผมไม่มีผมเลยใช้ ขวดโหลใส่คุกกี้ทับให้แบนแทนครับ



ได้ขนมปังที่แบนๆแล้วก็ เอาชีสวาง กล้วยวางเลยครับ ไม่แนะนำให้กล้วยหนามากนะครับไม่งั้นจะม้วนไม่ได้



ม้วนๆ พับขอบ ก็จะได้ตามภาพนี้ครับ



แล้วมาต่อด้วย ตั้งกระทะ ละลายเนยครับ



เมื่อเนยละลาย ก็นำเจ้า กล้วยห่อชีสส ที่เราม้วนไว้ ลงไปทอดเลยครับ



พลิกกลับด้าน ทอดไปเรื่อยๆ ให้ผิวด้านนอก เกรียมๆกรอบๆ ตามนี้ครับ



ทีนี้ก็ถึงเวลา สำคัญแล้วครับ หั่นเลยครับ หรือยังไม่หั่นก็แต่ท่านผู้ชมเลยครับผม

เอาซอสคาราเมลมาราด แล้วจะให้จบแบบสวยงามหน่อย ก็เอาไอ๊ซิ่งมาโรยไปอีกทีครับ



ถ่วยรูปเสร็จ วางบนโต๊ะแปปเดียว มัน มัน มัน มันหายไปหมดเลยครับ ผมนี้ได้กินแค่ชิ้นเดียว #ร้องไห้หนักมาก

ก่อนจะเข้าปากนี้ กลิ่นเนยกับ คาราเมลหอมมาก่อนเลยครับ 

เมื่อเข้าปากแล้ว ความหอมและรสเปรี้ยวหวานของกล้วยมันชั่งเข้ากับ ความเค็มและความหอมมันของชีสซะจริงๆ ผมนี้ #อึ่งไปเลยย้ง

ไม่เชื่อก็ลองทำกันดูครับ ไม่ได้โม้!!! #ผมจะไม่ยอมอ้วนคนเดียว


ขอขอบคุณ : หมูน้อย อ้วน กลม อารมณ์ดี เว็ปพันทิป
ซ้ำขออภัยค่ะ  

จากผู้ชายอ้วนดำ ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้วครับ

เพราะสุขภาพดีหาซื้อไม่ได้ อยากได้ต้องออกกำลังกายและกินอาหารที่มีประโยชน์ วันนี้ Sanook! Men ขอพาเพื่อนๆ มาชมอีกหนึ่งตัวอย่าง จากน้ำหนักกว่า 100 กก. ปัจจุบันคุณพัชสามารถก้าวข้ามคำว่าอ้วนดำมาแล้ว ไปชมกันครับว่าคุณพัชทำยังไง ถึงได้เปลี่ยนตัวให้เป็นคนใหม่ที่มีสุขภาพดีแบบนี้
สวัสดีครับ ผมชื่อพัช เมื่อก่อนเคยหนัก 98kg ผมรู้สึกแย่กับตัวเองมากจนผมคิดได้ว่าผมต้องเปลี่ยน มาดูกันครับว่าผมเปลี่ยนยังไง
นี่คืออดีตของผมเด็กอ้วนดำ ตอนนั้นผม ม.1 เล่นวงโย โดนแดด กินไม่เลือก ไม่คิดจะดูแลตัวเอง ใช้ชีวิตแบบอยู่เพื่อกิน555 ทำให้ผมกลายเป็นหมูที่เหมือนพึ่งผ่านการปิ้งย่างมาใหม่ๆ จนกระทั้งน้ำหนักผมเกือบทะลุ100kg กว่าจะรู้ตัวก็เป็นซะแบบนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าการใช้ชีวิตของผมมันลำบากด้วยบุคลิกของผมทำให้ผมไม่มีความมั่นใจในตัวเองขี้อายไม่กล้าแสดงออก T_Tหลังจากที่ผมผิดหวังมาในหลายๆเรื่องเพราะรูปร่างและหน้าตาของผมทำให้ผมคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมมีโอกาสได้ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นตอนอายุ14 นี่แหละคือโอกาสของผมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
กลับมาอีกรอบต้องทำให้ทุกคนตกใจแต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นใครจะคิดว่าหน้าร้อนญี่ปุ่นมันจะร้อนขนาดนี้ โอ้ยยยยดูผมสิครับจะกลายเป็นนิโกรอยู่แล้ว555 แต่จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงก็เริ่มต้นเมื่อผมได้เข้าคลับเคนโด้ของโรงเรียนผมถือโอกาสนี้เป็นการเข้าคอสลดน้ำหนักไปในตัว ช่วงแรกๆก็คิดว่ากรูคิดผิดไหมเนี่ย ชีวิตไม่เคยเหนื่อยอะไรขนาดนี้เลยแค่เรียนก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้วหลังเลิกเรียนก็ต้องมาซ้อมคลับ3ชม.ทุกวันไม่เว้นเสาร์อาทิตย์ไม่ว่าจะเป็นช่วงปิดเทอมก็เหอะ
ตอนนั้นอยากกลับบ้านมากรู้สึกคิดผิดไม่อยากผอมแล้วขอยอมแพ้ แต่ก็มีคำพูดหลายๆคำที่ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากยอมแพ้เราต้องทำให้คนอื่นเห็นว่าเราทำได้ให้ได้จนเวลาผ่านไปปีกว่าๆน้ำหนักผมลดเหลือ80กว่าๆ ผมก็ปฏิบัติไปเหมือนเดิมจนกระทั้งผมขึ้นม.6ตอนนั้นก็คิดว่าน้ำหนักก็คงเท่าเดิมแหละไม่ลดแล้ว ผมถึงกับตกใจหลักจากไม่ได้ชั่งน้ำน้ำหนักมานานมากกกกก น้ำหนักผมเหลือ 75
ชีวิตดีครับไม่ว่าจะเรื่องความรัก อิอิ รู้สึกภูมิใจมากตอนนั้นที่มีเพื่อนๆและคนรู้จักทักมาว่าเปลี่ยนไปมากจนผมจบม.6กลับไทยมาน้ำหนักเหลือ72kg ตอนนั้นรู้สึกว่าเหมือนเป็นคนใหม่กล้าที่จะไปไหนมากขึ้นกล้าที่จะทำอะไรมากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงนะคับนิสัยเดิมที่ไม่เปลี่ยนเลยคือเรื่อง “กิน” ยิ่งเป็นช่วงเข้ามหาลัยวัยเฟรชชี่ด้วย ได้ใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่เจอคนใหม่ๆทำให้ผมเหลวไหลจนน้ำหนักขึ้นเป็น 75kg
ในการใช้ชีวิตในเมืองกรุงนั้นผมรู้สึกว่ามันยากในการทำอะไรหลายๆอย่างมากถ้าผมยังเป็นแบบนี้เหตุการณ์ต่างๆ ประสบการณ์ต่างๆ ที่ผมเจอทำให้ผมท้อหมดกำลังใจแต่ไม่ใช่ว่าผมจะล้มเลิกมันนะครับ ผมกลับเอาสิ่งเหล่าน้ำเป็นจุดมุงหมายเป็นแรงกดดันและกำลังใจให้ผมต้องทำให้ได้มากกว่าเดิม
ผมเริ่มเปลี่ยนชีวิตใหม่อีกครั้งไม่ว่าจะเป็นเลิกเที่ยว เลือกกินอาหาร ออกกำลังกายหนักกว่าเดิม มีระเบียบในการใช้ชีวิต ช่วงแรกผมเข้าฟิตเนสทุกวันวิ่งวันละ40นาทีเล่นเวท40-60นาที กินอาหาร 3 มื้อ ไม่กินจุกจิกเวลาผ่านไป2เดือน น้ำหนักผมเหลือ 70กิโล ตอนนั้นรู้สึกว่าเราทำได้อีกครั้งแต่เราไม่ควรหยุดมันแต่เราต้องทำให้มันมากกว่าเดิม ทุกอย่างมาแล้วกำลังใจก็มาผมเพิ่มเวลาออกกำลังกายมากขึ้นตื่นมาตอนเช้าวิ่ง1ชั่วโมงตอนเย็นก็เล่นเวทอีก2-3ชั่วโมง เลือกกินแต่อาหารคลีน เลี่ยงของมัน ทอด แป้ง หรือมีน้ำตาลเยอะ จนปัจจุบันผมมีน้ำหนัก 67 กิโล จากปกติเมื่อก่อนเอว40กว่าๆตอนนี้เหลือ32ละครับ
นี่เป็นตอนที่ผมน้ำหนักลดลงมาได้ประมาณหนึ่ง ผมก็รู้สึกภูมิใจกับตัวเองนะครับ อย่างน้อยๆ ผมก็สามารถพิชิตมันได้ เจ้าก้อนไขมัน แต่ผมก็ยังต้องพยายามต่อไปเรื่อยๆนะ 555
ผมเป็นคนค่อนข้างดูแลตัวเองครับ จะว่าเจ้าสำอางก็ได้ ผมชอบดูแลหน้า ผิว ชอบแต่งตัว ชอบทุกอย่างที่ทำให้ดูดี แต่ผมก็คงไม่หยุดเพียงเท่านี้เพราะชีวิตคนเราผมคิดว่ามันต้องไม่มีวันหยุดเดินกลับกันคนเราต้องมีการพัฒนาในทุกๆวันเพียงแค่ขอให้เราสู้และไม่ยอมแพ้กับสิ่งที่เราตั้งใจ สิ่งที่ผมผ่านมาเจอมาผมอยากมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนที่อยากจะเปลี่ยนตัวเองผมอาจจะผ่านอะไรมาหลายๆอย่าง
เสียน้ำตาล้มแล้วล้มอีก เจอคำพูดที่ดูถูกจากคนรอบข้างแต่อยากให้ทุกคนที่มีความตั้งใจอย่าได้ท้อเก็บสิ่งเหล่านั้นคำเหล่านั้นมาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองดีกว่าทำให้คนเหล่านั้นเห็นว่าคุณทำได้ แล้วสักวันหนึ่งคุณจะเป็นคนชนะ
ยังไงผมก็ขอให้กระทู้นี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังคิดจะลดความอ้วน คิดแล้วยังไม่ได้ทำ คิดทำไปแล้วแต่ไม่สำเร็จสักที หรืออาจจะอยู่ระหว่างลดความอ้วนได้มีกำลังใจทำในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจนะครับ คิดว่าคุณทำเพื่อตัวคุณเองแล้วสิ่งที่ตามมานั้นคือผลกำไรจากสิ่งที่คุณตั้งใจทำ
ไม่ต้องแข่งกับใครครับ แข่งกับตัวเอง เอาชนะใจตัวเอง
ชนะความขี้เกียจ ชนะความอยาก ชนะความท้อแท้
ผมเคยอยู่ในจุดที่ผมรู้สึกแย่กับตัวเอง จนตอนนี้ผมก้าวผ่านมันมา "ผมภูมิใจในตัวเองครับ"
ขอบคุณและสวัสดีครับ พัช
ที่มา: http://men.sanook.com/6821/

รู้แล้วบอกต่อ.. เคล็ดลับดูแลรักษาบ้าน

1. โรงรถมีกลิ่นอับมาก จะขจัดกลิ่นออกได้โดยโรยหญ้าที่เพิ่งตัด มาใหม่ๆ
ลงบนพื้นโรงรถ แล้วปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง
ต้นหญ้าจะดูดเอากลิ่นอับในโรงรถออกไปจนหมด
2. ถ้าต้องการอบผ้า 2-3 ชิ้นให้แห้งเร็วขึ้นทำได้โดยหาผ้าขนหนูสะอาดๆ
ใส่ลงไปในเครื่องด้วยเพราะผ้าขนหนูจะไปช่วยดูดซับความชื้นทำให้ผ้า
แห้งเร็วขึ้นอีก
3. วิธีทำให้กรอบกระจกเงา หรือกรอบกระจกรูปภาพมองดูใหม่ เสมอ
ทำได้โดยการใช้ผ้าชุบน้ำมันสนแล้วทาบริเวณ กรอบไม้ รอจนแห้งสนิท
กรอบจะมองดูใหม่ทันที
4. วิธีล้างคราบสกปรกที่แก้วเจียระไน ทำง่ายๆคือหาเปลือกฝรั่ง
ใส่ลงไปในแก้วเจียระไน แช่ทิ้งไว้สัก 2-3 ชั่วโมง แล้วล้าง ด้วยน้ำสะอาด
เพียงเท่านี้แก้วจะดูใสสะอาด
5. วิธีทำความสะอาดเครื่องเคลือบที่ทำด้วยทองเหลืองมีวิธีการทำง่ายๆ
คือนำเอาหัวหอมมาต้มในน้ำเดือด แล้วนำมาขัดลงบนเครื่องเคลือบ
เพียงเท่านี้เครื่องเคลือบจะมองดู ใหม่สะอาดหมดจดทีเดียว
6. วิธีการขจัดคราบไขมันที่ติดรอบท่ออ่างล้างจาน ซึ่งถ้าปล่อยไว้ นานๆ
จะเป็นเหตุให้ท่ออุดตันได้ มีวิธีทำคือ นำเกลือแกงใส่ลง ไปในท่อ 2-3 ช้อน
จากนั้นนำเบกกิ้งโซดาหรือผงฟูต้มน้ำให้ เดือดแล้วเทลงไป
ไขมันที่อุดตันก็จะหลุดออกไปหมด
7 . วิธีขจัดพวกมดแมลงมาขึ้นถังขยะทำได้ง่ายๆ โดยหยดแอมโมเนีย ลงข้างๆ
ถังขยะ สักเล็กน้อย กลิ่นแอมโมเนียจะทำให้มดแมลง ไม่กล้าเข้ามาใกล้ถังขยะอีก
8. การรักษาเครื่องมือทำสวนที่เป็นโลหะไม่ให้ผุกร่อนได้ง่าย
มีวิธีการรักษาโดยใช้วาสลินทาผิวของโลหะทุกครั้งเมื่อใช้ เสร็จแล้ว
และนำมาทำความสะอาดอีกครั้ง
9. การใช้เตาแก๊สแบบประหยัด ทำได้โดยปรับเปลวไฟให้เป็น สีน้ำเงินเสมอ
และไม่ควรเปิด ไฟแก๊สให้สูงกว่าก้นหม้อด้วย จะทำให้หม้อร้อนช้า
ควรปรับระดับให้พอดีกับก้นหม้อ
10. วิธีดับกลิ่นเหม็นในถังขยะไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้านหรือในบ้านให้หมดกลิ่น
ได้ ทำได้โดยใส่เปลือกมะนาว หรือเปลือกส้ม เขียวหวาน ส้มโอก็ได้
ใส่ลงไปในถังขยะ กลิ่นส้มจะไปลดกลิ่นลงทำให้มีกลิ่นน้อยลง
11. การขัดรอยแมลงวันบนกระจกมีเคล็บลัดคือ ใช้ผงกาแฟคั่วหนึ่งช้อน
ผสมกับน้ำมันก๊าดหนึ่งลิตร และใช้เศษผ้าชุบเช็ดกระจกรอยแมลงวัน ก็จะหมดไป
12. หากต้องการทาสีห้องใหม่ แต่กลัวว่าห้องจะมีแต่กลิ่นเหม็น ของสี
อยู่หลายวัน มีวิธีขจัดกลิ่นเหม็นของสีคือก่อนจะทาสี ให้ผสมน้ำวานิลลา 1
ช้อนชาต่อสี 1 แกลลอนคนให้เข้ากัน แล้วจึงนำไปทาห้อง
สีที่ทาใหม่จะไม่มีกลิ่นเหม็นเป็นเด็ดขาด
13. วิธีการป้องกันไม่ให้ถุงในเครื่องดูดฝุ่นโดนแมลงกัดเป็นรูคือ นำการบูร
หรือลูก เหม็นใส่เข้าไปในถุงดูดฝุ่นสัก 1 ก้อน นอกจากป้องกันแมลง
แล้วยังป้องกันกลิ่นอับอีกด้วย
14. แก้ปัญหายุงไปไข่ทิ้งไว้ในแท็งก์น้ำ ทำให้มีลูกน้ำ
ว่ายวนอยู่ในแท็งมีวิธีทำคือ นำอิฐแดงๆ ที่ใช้ในการ ก่อสร้างมาเผาไฟให้ร้อนๆ
แล้วเอาใส่ลงไปในแท็งก์น้ำ ทันที
เพียงเท่านี้ยุงจะไม่กล้าเข้าไปไข่ทิ้งไว้อีกเลย
15. วิธีกำจัดต้นหญ้าที่ขึ้นไม่ถูกที่ ทำได้โดยใช้เกลือโรยตรงส่วนที่
ต้นหญ้าขึ้น เหตุเพราะเกลือจะไปทำให้ดินตรงที่ต้นหญ้าขึ้นอยู่
เค็มจึงทำให้ต้นหญ้าตายในที่สุด