E-Commerce หรือ ร้านค้าออนไลน์ชื่อดังระดับโลกอย่าง Amazon ได้จัดการแข่งขัน “อัพเกรดหุ่นยนต์เฝ้าโกดัง” จากเหล่านักพัฒนาหัวใสทั้งหลาย มาช่วยกันพัฒนาให้มันมีประสิทธิภาพกว่าเก่า หลังพบปัญหาหุ่นยนต์ยังทำงานได้ไม่ดีพอ
ปัจจุบัน ที่โกดังของ Amazon มีหุ่นยนต์คอยจัดเก็บจัดการสินค้าภายในคลังถึง 15,000 ตัว ประจำศูนย์กระจายสินค้ามากกว่า 10 แห่งในสหรัฐฯ ซึ่งนับตั้งแต่นำหุ่นยนต์มาใช้งาน มันก็ช่วยแบ่งเบาภาระของพนักงานไปได้มากทีเดียว ทว่า !! หุ่นยนต์ในยุคนี้ หาใช่หุ่นยนต์แบบในหนัง “I, Robot” ไม่ เพราะหากเป็นงานที่ละเอียดอ่อน หุ่นยนต์ก็จะทำได้ไม่เท่ามนุษย์อยู่ดี กลายเป็นว่า ช่วยได้เป็นบางครั้งบางคร่าวเท่านั้น ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหา ทาง Amazon จึงจัดประกวดการแข่งขัน พัฒนาเจ้า “Kiva Systems” หุ่นยนต์จับกังประจำบริษัทแบบไม่ต้องเปลืองแรงคิดเองมันซะเลย โดยมีกติกาง่ายๆคือ หุ่นตัวไหนสามารถจัดการงานโกดังได้ดีที่สุด คนนั้นก็ชนะไป โดยคนที่ชนะ ก็จะมีเงินรางวัลให้ถึง 25,000 เหรียญฯ หรือ ประมาณ 7 แสนกว่าบาทเลยทีเดียว การแข่งขันจะมีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ส่วนรายละเอียดกติกาสามารถดูได้ ที่นี้
ปัจจุบัน ที่โกดังของ Amazon มีหุ่นยนต์คอยจัดเก็บจัดการสินค้าภายในคลังถึง 15,000 ตัว ประจำศูนย์กระจายสินค้ามากกว่า 10 แห่งในสหรัฐฯ ซึ่งนับตั้งแต่นำหุ่นยนต์มาใช้งาน มันก็ช่วยแบ่งเบาภาระของพนักงานไปได้มากทีเดียว ทว่า !! หุ่นยนต์ในยุคนี้ หาใช่หุ่นยนต์แบบในหนัง “I, Robot” ไม่ เพราะหากเป็นงานที่ละเอียดอ่อน หุ่นยนต์ก็จะทำได้ไม่เท่ามนุษย์อยู่ดี กลายเป็นว่า ช่วยได้เป็นบางครั้งบางคร่าวเท่านั้น ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหา ทาง Amazon จึงจัดประกวดการแข่งขัน พัฒนาเจ้า “Kiva Systems” หุ่นยนต์จับกังประจำบริษัทแบบไม่ต้องเปลืองแรงคิดเองมันซะเลย โดยมีกติกาง่ายๆคือ หุ่นตัวไหนสามารถจัดการงานโกดังได้ดีที่สุด คนนั้นก็ชนะไป โดยคนที่ชนะ ก็จะมีเงินรางวัลให้ถึง 25,000 เหรียญฯ หรือ ประมาณ 7 แสนกว่าบาทเลยทีเดียว การแข่งขันจะมีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ส่วนรายละเอียดกติกาสามารถดูได้ ที่นี้
หน้าตาของเจ้า “Kiva” หุ่นเฝ้าโกดังประจำ Amazon (ภาพจาก Businessinsider)
สำหรับสเปกหุ่นยนต์ที่ Amazon ต้องการเพิ่ม ก็จะต้องมี ความสามารถบรรจุของได้ตามมาตรฐาน สามารถจัดการกับสินค้าที่มีความละเอียดได้ มีความเร็วและแม่นยำในการจัดการมากยิ่งขึ้น เป็นต้น สุดท้ายนี้ แม้หุ่นยนต์จะมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์จริงๆได้…….ก็ไม่แน่นะ
ที่มา : Techspot
